Marketing 6.0 คืออะไร ? และตัวอย่างธุรกิจ ที่ทำการตลาดด้วยสิ่งนี้

เมื่อ :
ผู้เข้าชม : 9,303
เขียนโดย :
Marketing 6.0 คืออะไร ? และตัวอย่างธุรกิจ ที่ทำการตลาดด้วยสิ่งนี้
Marketing 6.0 คืออะไร ? และตัวอย่างธุรกิจ ที่ทำการตลาดด้วยสิ่งนี้
เมื่อ :
ผู้เข้าชม : 9,303
เขียนโดย :

Marketing 6.0 คืออะไร บทความนี้มีคำตอบ

ทุกวันนี้เราไม่สามาถปฏิเสธได้ว่าโลกอินเตอร์เน็ตกับโลกชีวิตจริงถูกกลืนเป็นส่วนเดียวกันมากยิ่งขึ้นทุกวัน ในโลกธุรกิจในปัจจุบันก็ถูกเทคโนโลยีเข้ามาในหลายมิติเช่นกัน จนทำให้เกิดยุคใหม่ของการตลาดในโลกธุรกิจอย่าง Marketing 6.0 หรือ Marketing in the Metaverse ที่ถูกพูดกันอย่างแพร่หลายว่ากำลังจะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะมาแทนการตลาดในยุคเดิม ทุกคนคงสงสัยว่า แล้ว Marketing 6.0 คือการตลาดแบบไหน บทความนี้มีคำตอบ

บทความเกี่ยวกับ Marketing อื่นๆ

 

เนื้อหาภายในบทความ

 

นิยามของ Marketing 1.0-5.0 (Marketing 1.0-5.0 Definitions)

ก่อนจะพูดถึง Marketing 6.0 ขอมาย้อนรอยการพัฒนาของการตลาดในแต่ละช่วงกันว่าในแต่ช่วงจะให้ความสำคัญกับอะไรกันก่อน

Marketing 1.0 - Product Centric

สินค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด 

Marketing 2.0 - Customer Centric

ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยแบ่งลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม  และมุ่งเน้นการสร้างสานสานพันธ์ให้ลูกค้ากลับมาซื้ออีก 

Marketing 3.0 - Human Centric

มนุษย์เป็นศูนย์กลาง การทำการตลาดในยุคนี้จะให้ความสำคัญเรื่องการรับผิดชอบต่อสังคมเข้าไป 

Marketing 4.0 - Traditional to Digital

จากช่องทางสื่อสารดั้งเดิม (Traditional หรือ Offline) ไปสู่สื่อดิจิทัล (Online) และสร้าง Omnichannel คือการเอาหลาย ๆ ช่องทางมารวมกัน แก่ตัวธุรกิจ 

Marketing 5.0 - Technology for Humanity

เทคโนโลยีสำหรับมวลมนุษยชาติ เน้นการเปลี่ยนแปลงโดยการใช้เทคโนโลยและข้อมูลในส่วนของการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น

ความหมายของ Metaverse (Meaning of Metaverse)

โดยคำว่า "Metaverse" มาจากการรวมคำว่า "Meta" ที่แปลว่า เหนือกว่ากับคำว่า "Verse" ที่มาจากคำว่า Universe ที่แปลว่าจักรวาล เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันจะสามารถนิยามได้ว่า Metaverse หมายถึงโลกที่เหนือจักรวาล  หรือก็คือการเชื่อมต่อชีวิตแบบโลกออฟไลน์ ในโลกออนไลน์ ที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า โลกเสมือนจริง (Virtual World) ซึ่งเราจะสามารถสร้างอวตาร์ (Avatar) เพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนของเราในทำปฏิสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย เดินเล่น และอื่น ๆ อีกมากมาย ในโลกออนไลน์ผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ที่จะจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ประกอบกับ Augmented Reality (AR) ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน

Marketing 6.0 คืออะไร ? (What is Marketing 6.0 ?)

ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่า เมตาเวิร์ส (Metaverse) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นรวมถึงโลกธุรกิจเช่นกัน  เราจึงยากที่จะปฏิเสธได้ว่าการตลาดยุคนี้จึงถือเป็นยุคที่เรากำลังจะเข้าสู่ Marketing 6.0 หรือ Marketing in the Metaverse คือการที่ โลกจริง (Physical) หรือ โลกออฟไลน์ (Offline) ที่เชื่อมระหว่าง โลกเสมือน (Digital) หรือโลกออนไลน์ (Online) กันอย่างแนบเนียน

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็ได้ถือว่าต่อยอดมาจาก Marketing 5.0 ที่ใช้เทคโนโลยีในการเข้าใจความต้องการของ ปัจเจกบุคคล และสร้างธุรกิจ ที่ตอบสนองต่อธุรกิจ และสังคมในเชิงบวก แต่ใน Marketing 6.0 เทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยโดยเฉพาะ Metaverse จะมีบทบาทอย่างมาก ในการสร้างประสบการณ์ของลูกค้า ในระดับที่ลึกซึ้งมากขึ้น จึงถือได้ว่าในยุคการตลาด 6.0 เทคโนโลยีถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ และลูกค้านั่นเอง

การที่ธุรกิจสามารถมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สามารถเข้าใจพฤติกรรมและความชื่นชอบของลูกค้า รวมไปถึงสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างเรียลไทม์ จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะหากสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากเท่าไหร่ เราก็จะสามารถออกแบบ แผนการตลาด รวมไปถึงการสร้างประสบการณ์กับลูกค้าได้ดีมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้แล้ว การตลาดยุค 6.0 ยังให้ความสำคัญกับการตลาดหลายช่องทาง (Omnichannel Marketing) เช่น จากการแค่ซื้อของจากทางออฟไลน์ และสะสมแต้มผ่านทางออนไลน์ แต่ปัจจุบันพัฒนาไปถึงการสร้างตัวตนของเราในโลกเสมือนเพื่อมาทดลองใส่สินค้านั้น ๆ หรือซื้อสินค้าเพื่อใส่ในตัวตนเสมือน จึงจะสามารถสรุปได้ว่าการตลาดหลายช่องทาง ก็คือการรวมช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า ทั้งแบบ ออนไลน์ และออฟไลน์ เป็นช่องทางเดียวกัน โดยแต่ละธุรกิจก็จะสามารถรวบรวมข้อมูลของลูกค้า เอาไว้ในช่องทางเดียว และเราก็จะสามารถเอาข้อมูลเหล่านั้นไปต่อยอด ในการพัฒนาสินค้าหรือบริการได้

ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Metaverse (Metaverse Business Examples)

Nike

แบรนด์เครื่องแต่งกายกีฬาสุดฮิตอย่าง Nike ได้ใช้เทคโนโลยีอย่าง AR ในการสร้างเทคโนโลยีจำลองให้ลูกค้าสามารถลองสวมรองเท้าเสมือนจริงผ่านโลกออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องไปลองที่ร้านจริง

Nike AR

IKEA

IKEA ก็ได้ร่วมตามกระแสนี้ด้วยการใช้ VR ในการสร้างโชว์รูมออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสามารถชมเฟอร์นิเจอร์เสมือนจริงได้ ลูกค้าจะสามารถเห็นภาพว่าเมื่อเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นไปอยู่ที่บ้านตัวเองจะมีเป็นอย่างไรและสามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น

IKEA AR

Gucci

แม้กระทั่งแบรนด์ลักชัวรี่อย่าง Gucci ยังออกสินค้าเป็นรองเท้าเสมือนจริง (Virtual sneaker) อย่าง Gucci Virtual 25 ในราคาเพียง 12.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 400 บาท) บนแอปพลิเคชั่นของ Gucci ซึ่งสินค้านี้ผู้ซื้อสามารถสามารถนำไปให้อวตาร์ของผู้ซื้อใส่ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นอย่าง VR  Chat และ Roblox หรือหากซื้อจากแอป Wanna Kicks AR sneaker (ราคา 8.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 278 บาท) ผู้ซื้อก็จะสามารถลองสวมจริงผ่านเทคโนโลยี AR

สไลด์รูปภาพ

 Gucci virtual 25Gucci virtual 25Gucci virtual 25Gucci virtual 25Gucci virtual 25

แต่อย่างไรก็ตามเราต้องยอมรับว่าถึงแม้การเข้ามาของ Metaverse ทำให้เกิดมิติทางธุรกิจที่หลากหลายขึ้นซึ่งสร้างผลดีต่อลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่โลกธุรกิจ ซึ่งในทางกลับกัน การเข้ามาของ Metaverse ก็สร้างผลกระทบหลายประการเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ผู้คนจะสูญเสียไปจากการที่ เทคโนโลยีสามารถติดตามข้อมูล ของลูกค้าอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม และรสนิยมในการจับจ่ายสินค้าเพื่อนำไปวิเคราะห์ในการทำการตลาด หรือการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้สามารถนำข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ไปในเชิงลบได้ นอกจากนี้ยังทำให้คนใช้เวลาชีวิตในโลกออนไลน์มากเสียจนกลืนกินเวลาในโลกจริงและอื่น ๆ อีกมากต่อทั้งในด้านปัจเจกบุคคลและในด้านธุรกิจ

สุดท้ายแล้วการตลาด 6.0 ที่ทำให้โลกออฟไลฟ์และออนไลน์ประสานกันอย่างแนบเนียนการที่เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า ทำให้เกิดประเด็นที่น่าสนใจว่าสำหรับบทบาทของ Metaverse จะสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนเราได้มากน้อยแค่ไหน และโลกออฟไลน์และออฟไลน์จะสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างลึกซึ้งเพียงใดก็คงต้องประเด็นเหล่านี้ก็คงเป็นเรื่อที่ต้องติดตามกันต่อไป